Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

Dollars sign จองกับเราไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ค้นหาจากแผนที่

คลินิก / ร้าน อื่นๆ ที่มี การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)

โรงพยาบาลศิครินทร์
โรงพยาบาลศิครินทร์
โรงพยาบาลศิครินทร์
โรงพยาบาลศิครินทร์
โรงพยาบาลศิครินทร์
Mordee บางนา, กรุงเทพมหานคร
4.38 จาก 5
286 รีวิว
2024 ภาษาอาหรับ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ หู คอ จมูก ศัลยกรรมตกแต่งความงาม ผ่าตัดรักษาโรคอ้วน รถรับ-ส่ง ที่สนามบิน รับรองเอกสาร ที่พักสำหรับครอบครัว
โรงพยาบาลศิครินทร์ ได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2536 เป็นโรงพยาบาลที่มีความมุ่นมั่นในการให้ความสำคัญกับการรักษา และการบริการแก่ประชาชน เพื่อสร้างความไว้วางใจกับประชาชน อย่างแท้จริง นั่นเป็นเหตุผลหลักในการปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ และความเป็นมืออาชีพ โรงพยาบาลศิครินทร์ ให้บริการดูแลคนไข้ ระดับตติยภูมิ... อ่านต่อ
ดูทั้งหมด
การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)
สอบถามกับทางคลินิก

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร

สำหรับยุคนี้ใครที่มีปัญหามีลูกยาก เป็นซีสต์  หรือเนื้องอก ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป ด้วยความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงมีเทคนิค ที่จะทำให้มีการปฏิสนธินอกร่างกาย เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ หรือที่เรามักจะเรียกว่า "การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)"

การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาการมีบุตรยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป และยังเหมาะ สำหรับผู้หญิงบางคน ที่เป็นโรคและมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น การเป็นซีสต์ เนื้องอก หรือเกิดความผิดปกติ ทางพันธุกรรม เป็นต้น

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นการนำไข่และอสุจิ มาผสมกันให้เกิดการปฏิสนธิ ภายนอกร่างกาย ในห้องปฏิบัติการ จากนั้น จึงจะนำไข่ ที่ได้รับการผสมแล้ว ซึ่งนั่นก็คือ ตัวอ่อน ย้ายกลับเข้าไปในมดลูกของฝ่ายหญิง เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ตามปกติต่อไป

ขั้นตอนในการทำเด็กหลอดแก้ว

  1. แพทย์จะเลือกเก็บไข่ที่สมบูรณ์จากรังไข่ โดยใช้เข็มดูดผ่านทางช่องคลอด อาศัยเครื่องอัลตราซาวด์ ซึ่งแพทย์มีความจำเป็น ที่จะต้องให้ยาสลบ เพื่อป้องกันความเจ็บปวด และจะใช้เวลาในการเก็บไข่ประมาณ 30 นาที หลังจากเก็บไข่แล้ว ฝ่ายหญิงจะได้รับการรักษาด้วย ฮอร์โมนชนิดสอดช่องคลอด หรือฉีดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก 
  2. เมื่อไข่และอสุจิได้รับการผสมกันเรียบร้อยแล้ว ในห้องปฏิบัติการเลี้ยง และควบคุมคุณภาพตัวอ่อน จากนั้นก็จะทำการติดตามดูไข่ ที่ได้รับการปฏิสนธิใน 2 วันต่อมา
  3. ในวันถัดไป ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ ก็จะกลายเป็นตัวอ่อน และพร้อมที่จะย้ายเข้าโพรงมดลูก ซึ่งมักจะทำในวันที่ 3-5 หลังวันเก็บไข่ ซึ่งในขั้นตอนของการย้ายตัวอ่อน เข้าโพรงมดลูกนั้น ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ และอาหารก่อนมาโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ และใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย

ระยะเวลาของการย้ายตัวอ่อน การย้ายตัวอ่อนนั้นสามารถทำได้ในช่วงระยะเวลาที่แตกต่างกัน ดังนี้

  1. การย้ายตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสต์  (blastocyst transfer) โดยการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนไว้ภายนอกร่างกาย จนตัวอ่อนเจริญเติบโต ถึงระยะพร้อมฝังตัว (จะใช้ระยะเวลา 5 วันหลังการผสม) หลังจากนั้น ก็จะใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวและเกิดการตั้งครรภ์ สำหรับวิธีนี้จะช่วยให้ตัวอ่อนพร้อมฝังตัว เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
  2. การย้ายตัวอ่อนในระยะวันที่ 3 หลังการผสม (Day 3 transfer) เป็นวิธีการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ภายนอกร่างกาย จนตัวอ่อนมีการแบ่งเซลล์เป็น 6-8 ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 วันหลังการผสม แล้วจึงใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก

 

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังจากที่ได้มีการย้ายตัวอ่อนเข้าไป ในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยนอนพัก 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถที่จะกลับบ้านได้ ไม่ต้องนอนพักโรงพยาบาล และสามารถใช้ชีวิตประจำวัน ได้ตามปกติ แต่จะต้องไปพบแพทย์ตามกำหนด การนัดหมายทุกครั้ง เพื่อตรวจสอบ และเฝ้าติดตามดูตัวอ่อน และการเจริญเติบโต

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

หลังจากที่มีการฉีดตัวอ่อนไปแล้ว 12 วันแพทย์จะทำการตรวจเลือด เพื่อตรวจสอบว่าคุณได้มีการตั้งครรภ์หรือไม่ เพื่อจะได้ทำการประเมินต่อไป และให้เกิดความแน่ใจว่า การทำเด็กหลอดแก้ว ประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นวิธีที่ไม่ต้องเสี่ยงต่อการดมยาผ่าตัด ไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล ทำให้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูก ทั้งนี้ ผลสำเร็จก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเหมือนกัน เช่น อายุของผู้เข้ารับบริการ การใช้ชีวิตประจำวัน และสาเหตุของการมีบุตรยาก เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ ผลลัพธ์ที่ได้เกินคาด ก็มักจะเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี จะประสบความสำเร็จถึง  40% และกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 36-41 ปี จะมีเกณฑ์ประสบความสำเร็จอยู่ที่ 25% และกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 42 ปีขึ้นไป เปอร์เซ็นต์ที่จะประสบความสำเร็จ น้อยมาก มีเพียง 4% เท่านั้น