สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ปลูกถ่ายผิวหนัง ใน กรุงเทพมหานคร
การปลูกถ่ายผิวหนัง จะเป็นการผ่าตัดเอาผิวหนังออก ตามบริเวณของร่างกาย และทำการปลูกถ่าย ไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งเนื้อเยื่อผิว ที่ถูกถ่ายนั้น จะเรียกว่า การปลูกถ่ายนั่นเอง ซึ่งการผ่าตัดประเภทนี้ จะเป็นการรักษา หรือปลูกถ่ายไปตามส่วนของผิวหนัง ที่มีการสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็น เพื่อรักษาแผลไฟไหม้ แผลบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่ง แผลที่เกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ต้อง เสียผิวหนัง เป็นต้น
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
ขั้นตอนการปลูกถ่ายผิวหนัง โดยทั่วไป แพทย์จะฉีดยาชาตามบริเวณ ที่ต้องการจะปลูกถ่าย เพื่อให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บ ในระหว่างการทำนั่นเอง
สำหรับการปลูกถ่ายผิวหนัง แพทย์จะเริ่มผ่าตัดเอาผิวหนัง ตามต้นขา สะโพก หน้าท้อง แขน ขาหนีบ และบริเวณเหนือกระดูกไหปลาร้า มาทดแทนผิวหนัง ที่เป็นแผล หรือสูญเสียไป
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการฟื้นตัว ของผู้ป่วยส่วนใหญ่ จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ในระหว่างนี้ ผู้ป่วยควรงดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อบาดแผล อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ ซึ่งกิจกรรมที่ควรงดคือ การออกกำลังกายที่ใช้พลัง เป็นต้น จนกว่าแพทย์จะอนุญาต ให้ทำกิจวัตรประจำวัน ได้ตามปกติ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
หลังทำการปลูกถ่ายผิวหนัง เสร็จเรียบร้อยร้อยแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำต่าง ๆ จากแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ที่ต้องสวมใส่ ไม่ให้โดนบาดแผล ยารักษาแผล ตลอดจนข้อห้ามต่าง ๆ เป็นต้น ในระหว่างการพักฟื้น ผู้ป่วยควรระวัง อย่าให้บาดแผลกระทบ กับอย่างอื่น โดยเฉพาะเวลานั่ง หรือเวลานอน เพื่อลดอาการบวม และให้ผิวหนังผสานตัวได้เร็ว นอกจากนี้ ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำ จากแพทย์ ในเรื่องของการทำกายภาพบำบัด อีกด้วย
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การปลูกถ่ายผิวหนัง นับว่าเป็นวิธีการรักษา ที่ประสบความสำเร็จมาก แต่ในบางกรณี แพทย์จำเป็นต้องทำ ถึงสองครั้งด้วยกัน ทั้งนี้ การปลูกถ่ายผิวหนัง ยังคงมีความเสี่ยง และผลข้างเคียงบางอย่าง ตามมา เช่น อาการแพ้ยาชา ปัญหาเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ เลือดออก เลือดอุดตัน แผลติดเชื้อ รอยแผลเป็น ผิวหนังเปลี่ยนสี รวมถึงพื้นผิวหนัง ไม่สม่ำเสมออีกด้วย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง