สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการทำจมูกในประเทศไทย
การศัลยกรรมเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย คือ การศัลยกรรมจมูก เช่น การเสริมจมูกเพื่อให้จมูกโด่งขึ้น การเก็บปีกจมูกเพื่อให้จมูกดูเล็กลง ดูได้สัดส่วนกับรูปหน้ามากขึ้น เป็นต้น การศัลยกรรมตกแต่งปีกจมูก เพื่อช่วยแก้ไขรูปทรงจมูกในผู้ที่มีปีกจมูกกว้าง รูจมูกบาน รูจมูกใหญ่ โดยการศัลยกรรมนี้จะทำให้จมูกดูเรียวเล็ก ได้สัดส่วนเข้ากับรูปหน้ามากขึ้น ด้วยแผลที่ไม่ใหญ่มากและใช้เวลาไม่นาน จึงสามารถทำร่วมกับการเสริมจมูกได้
การตัดปีกจมูกเป็นการปรับรูปทรงจมูกที่มีปีกจมูกกว้างให้เล็กลง เป็นการผ่าตัดที่นิยมในสมัยนี้ อาจจะทำร่วมกับการเสริมจมูกเพื่อทำให้มีรูปทรงของจมูกได้สัดส่วนสวยงามมากยิ่งขึ้น การเปิดแผลผ่าตัดปีกจมูกจะเปิดแผลด้านในของปีกจมูก โดยกรีดโค้งเข้าใต้ฐานปีกจมูก ตัดเนื้อด้านในออก กว้างประมาณ 2-4 มิลลิเมตรขึ้นอยู่กับความกว้างของปีกจมูกคนไข้ แล้วกรีดโค้งเข้าหาใต้ฐานปีกจมูก
ผู้ที่ต้องการตัดปีกจมูกไม่จำเป็นต้องเสริมจมูกเสมอไป เพราะหากจมูกโด่งอยู่แล้ว แต่มีปีกจมูกบานกว้าง เพียงแค่ตัดปีกจมูกอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องเสริมจมูกเลย และหลังผ่าตัดปีกจมูกรูปทรงจมูกก็จะดูสวยงามสมส่วนขึ้น
ผู้ที่เหมาะสมตัดปีกจมูก
- ผู้ที่รู้สึกว่า จมูกบาน ปีกจมูกกว้าง หรือรูจมูกใหญ่เกินไป
- มีสุขภาพดี ไม่สูบบุหรี่
- มีความคาดหวังในสิ่งที่เป็นไปได้
วีธีเช็คว่าจมูกบานไหม เช็คง่ายๆ สังเกตได้ชัดเจนที่สุดคือ บริเวณปีกจมูก เกินหัวตาหรือไม่ หากเกินแสดงว่าจมูกกว้างหรือจมูกบาน แต่ถ้ายังไม่เกินแสดงว่าจมูกของคุณยังไม่บาน หารกจมูกบานสามารถแก้ไขรูปทรงจมูกให้ดูดสวยขึ้นได้
Key point
- การตัดปีกจมูกช่วยปรับเปลี่ยนทรงร่างจมูก
- การตัดปีกจมูกระยะเวลาการพักฟื้นได้เร็วกว่าการทำจมูก
- การตัดปีกจมูกเป็นวิธีที่ปลอดภัย
ขั้นตอนการตัดปีกจมูก/เตรียมตัวอย่างไร
ก่อนการผ่าตัดคนไข้ควรเตรียมตัวไว้ตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อความพร้อมและเพื่อความปลอดภัย ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดที่ควรปฏิบัติคือ
- หยุดใช้ยาประเภทแอสไพริน พาวิค วิตามินเอ ยาในกลุ่มประเภทวิตามินอี
- หลีกเลี่ยงการทานสมุนไพรต่างๆ อย่างขิง กระเทียม โสมและแปะก๊วย ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยป้องกันอาการฟกช้ำเพราะจะทำให้มีเลือดคั่งหรือทำให้เลือดหยุดไหลยาก
- งดรับประทานอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- สระผมให้เรียบร้อยเพราะภายหลังจากผ่าตัดแล้ว แผลจะต้องห้ามโดนน้ำเด็ดขาด
- ใส่เสื้อผ้าแบบที่มีกระดุมด้านหน้า ในวันผ่าตัดเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนที่แผลตอนเปลี่ยนชุด
- ควรมีเพื่อนหรือญาติไปด้วย เนื่องจากหลังผ่าตัดแล้ว คุณอาจจะมีอาการมึนงงเพราะฤทธิ์ของยา
ขั้นตอนในการตัดปีกจมูก
แพทย์จะเริ่มทำความสะอาดตำแหน่งที่ต้องผ่าตัดให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นจึงจะให้ยานอนหลับและฉีดยาชาในบริเวณจะผ่าตัด รอให้ยาชาออกฤทธิ์ แพทย์ก็จะทำการผ่าตัด โดยตัดเอาเนื้อตรงปีกจมูกที่เป็นเนื้อส่วนเกินออกมา ทำการจัดฐานปีกจมูกรวมถึงกำหนดความกว้างของรูจมูกให้กับคนไข้ใหม่ ขั้นตอนสุดท้ายจัดการเย็บปิดแผลทั้งหมดด้วยความประณีตเพื่อไม่ให้ทิ้งรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัด
วิธีการตัดปีกจมูก
การตัดปีกจมูกมีอยู่2 วิธีที่ทางศัลยแพทย์จะนิยมใช้กันในปัจจุบัน คือ
การตัดปีกจมูกด้านใน
เป็นเทคนิคที่นิยมทำเป็นอย่างมาก โดยแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณปีกจมูก รอยาชาออกฤทธิ์ 5 นาที แพทย์จะทำการผ่าตัด เพื่อตัดปีกจมูกให้ดูเล็กลง เน้นความเป็นธรรมชาติ รอยเย็บจะอยู่ด้านใน จะไม่ทำให้เกิดแผลเป็น หลังผ่าตัดจะทำให้ใบหน้ารวมดูสวยเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จะออกมาได้ดีกว่าการผ่าตัดแผลนอก
ตัดปีกจมูกด้านนอก
การตัดปีกจมูกด้านนอก เทคนิคนี้สามารถใช้กับจมูกบางรูปทรง เช่น จมูกชมพู่ อาจจะเกิดแผลเป็นได้ เพราะผ่าตัดจากด้านนอก วิธีนี้จะใช้ช่วยลดความกว้างของปีกจมูกในกรณีที่ปีกจมูกบานออกมาก
เวลาพักพื้น
ขั้นตอนของการผ่าตัดใช้ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 30 นาทีจนถึง 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นแพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนพักเพื่อดูอาการประมาณ 1-2 ชั่วโมง จึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน (การผ่าตัดปีกจมูกเป็นเพียงการทำศัลยกรรมเล็กไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล) สำหรับอาการบวมหลังผ่าตัดถือเป็นเรื่องปกติ แต่โดยทั่วไป การผ่าตัดปีกจมูก จะบวมไม่มาก ระยะเวลาการบวมประมาณ 3 – 5 วัน แต่อาจยุบบวมเร็วหรือช้ากว่านี้ได้ขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และรอยฟกช้ำอาจจะมีบ้างซึ่งจะค่อยๆ หายไปภายใน 1 – 2 สัปดาห์
การดูแลสุขภาพหลังการตัดปีกจมูก
- ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัด และประคบติดต่อกันเป็นเวลาระยะเวลา 48 ชั่วโมง
- ห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำ ในช่วง 3 วันแรก เพราะน้ำจะทำให้แผลอับชื้น จนเกิดการอักเสบและติดเชื้อตามมา
- นอนให้ศีรษะอยู่สูงเข้าไว้วิธีนี้ก็จะช่วยลดอาการบวมลงได้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารหมักดองและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
เมื่อผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนัดมาตัดไหมอีกครั้งประมาณ 10-14 วัน ในระหว่างนี้อาจพบอาการช้ำบวมอยู่บ้าง แต่ถ้าหากพบอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกไม่หยุด แผลบวมแดงร่วมกับเจ็บปวดมาก และมีหนอง ต้องรีบกลับมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อ
อัตราประสบความสำเร็จ
แผลผ่าตัดปีกจมูกจะมีอาการบวมและฟกช้ำ หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อยๆ ลดลงพร้อมกับแผลจะเริ่มแห้งขึ้นตามลำดับภายในระยะเวลา 7 วัน หลังจากแผลเริ่มแห้งดีแล้ว สามารถทายาเพื่อป้องกันรอยแผลเป็นได้เลย แต่โดยส่วนใหญ่ หลังจากแผลผ่าตัดปีกจมูกหายดีแล้ว ก็มักมองไม่ค่อยเห็นรอยแผลเท่าไรนัก เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการเย็บแผลโดยซ่อนในบริเวณขอบปีกจมูกเอาไว้ได้เป็นอย่างดีจึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นแผลได้จากภายนอก หากแต่กว่าแผลผ่าตัดจะหายดีบวกกับจมูกจะเข้าที่ได้นั้น อาจจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาอยู่ประมาณ 1-2 เดือนกันเลยทีเดียว
มีทางเลือกอื่นๆในการตัดปีจมูกหรือเปล่า
แน่นอนว่าใครๆก็อยากเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาที่ดูสวยหล่อเป็นธรรมดา การตัดปีกจมูกนั้นเป็นเรื่องที่หลายๆคนสนใจเป็นนอย่างมาก นอกจาการตัดปีกจมูกให้ดูสวยแล้วนั้น การเสริมจมูกให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการก็เป็นปัจจัยของใครหลายๆคนเหมือนกัน นอกจาการมีจมูกที่สวยแล้ว ยังมีศัลยกรรมประเภทอื่นที่น่ศัลยกรรม ตัด ปีก จมูกาสนใจ เช่นการเสริมหน้าอก โบท็อก การทำปากกระจับ การดูดไขมัน เป็นต้น หากคุณสนใจการทำศัลยกรรม ควรหารายละเอียดให้ดี เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดภายหลัง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต
ภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกอันดามันเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่และเป็นเกาะเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีสถานะเป็นจังหวัด โดยมีจำนวนอำเภอเพียงแค่ 3 อำเภอเท่านั้น คือ อำเภอเมือง อำเภอถลาง และอำเภอกะทู้ และด้วยลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเกาะ จึงทำให้มีทะเลล้อมรอบ ภูเก็ตจึงมีชายหาดที่สวยงามเป็นจำนวนมากเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ เช่นหาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน และหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม และมีที่พักอยู่จำนวนมาก
ปัจจุบันภูเก็ตได้ริเริ่มโครงการยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก เนื่องจากภูเก็ตเองมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งถือเป็นระดับศูนย์โรงพยาบาลของภาคใต้ฝั่งอันดามัน โรงพยาบาล กรุงเทพ ภูเก็ต โรงพยาบาล สิริโรจน์ ที่มีชื่อเสียงและได้รับ การรับรอง มาตรฐาน JCI เป็นต้น
สถานที่ยอดนิยมในจังหวัดภูเก็ต
หาดป่าตอง เป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดภูเก็ต ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักในเรื่องของแสงสีและแหล่งบันเทิงที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาพักผ่อนตลอดทั้งปี เนื่องจากมีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก บริษัททัวร์ แหล่งบันเทิง และอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกครบครันตั้งอยู่เรียงราย นอกเหนือ จากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำที่น่าสนใจ เช่น บานาน่าโบ้ท เจ็ตสกี พาราชู้ต เป็นต้น
แหลมพรหมเทพ ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะเป็นแหลมโค้งทอดตัวลงสู่ทะเล สามารถเดินลงไปที่ปลายแหลมได้ เมื่อลงไปที่ด้านล่างจะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต เวลามีคลื่นซัดเข้ามากระทบก้อนหินจะเป็นฟองสีขาวดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อแช่ม หรือ พระครูวิสุทธิองศาจารย์ญาณมุณี พระครูผู้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองภูเก็ต จากเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์และคุณความดีของหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ในการเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านในการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ หากใครมาเที่ยวที่ภูเก็ตก็จะคงต้องแวะไปกราบไหว้หลวงพ่อแช่มเพื่อความเป็นสิริมงคล และเยี่ยมชมวัดที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดในเมืองภูเก็ต
การเดินทางในจังหวัดภูเก็ต
ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางภายในจังหวัดสะดวกมาก มีสนามบินนานาชาติที่มีไฟล์ทบินมาลงแทบจะทุกชั่วโมง มีบริการรถแท็กซี่เข้าตัวเมืองภูเก็ต รถประจำทางแอร์พอตบัส รถเช่า เป็นต้น ส่วนการเดินทางภายในจังหวัด ก็มีรถตุ๊กๆ บริการภายในเขตเทศบาล หรือจะเช่าเหมารถตุ๊กๆ ไปยังสถานที่ต่าง ๆก็ได้ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง มีบริการรถสองแถวออกจากตลาดสดใกล้วงเวียนน้ำพุ ถนนระนอง ไปยังหาดและสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับระยะทางเหมือนกัน รวมไปถึงวินมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในจังหวัดภูเก็ต
ประชากรแต่เดิมในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ เงาะซาไก และชาวยิปซีทะเล หรือ ชาวเล ต่อมาได้มีชาวอินเดีย ชาวไทย และชาวจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยนอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ ทำให้ภูเก็ตมีการผสมผสานและสืบต่อวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆเข้าด้วยกัน จนเป็นเอกลักษณ์ของชาวภูเก็ตมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้มีประชากรหลั่งไหลย้ายเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภูเก็ตมีจำนวนประชากรแฝงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศในจังหวัดภูเก็ต
ภูเก็ตมี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน และฤดูฝน ซึ่งฤดูฝนนั้นจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วง ที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ส่วนฤดูร้อนเริ่มในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย ประมาณ 33.4 องศาเซลเซียส สูงที่สุดในเดือนมีนาคม ส่วนในเดือนมกราคมจะมีอุณภูมิต่ำสุด คือ 22 องศาเซลเซียส ในช่วงอากาศดีที่สุดจะอยู่ในช่วง เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน จะไม่มีฝน ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิประมาณ 31 องศาเซลเซียสเหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
อื่น ๆ
ภาษา ที่ใช้ในการสื่อสารของคนภูเก็ตจะเป็นภาษาไทยใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ พูดไม่ออกเสียง ก เป็นตัวสะกด และมีภาษาจีนฮกเกี้ยนที่คนภูเก็ตเชื้อสายจีนจะใช้ในการสื่อสารกัน สำหรับคนที่ทำงานในวงการธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีและยังมีภาษาจีนและรัสเซียที่ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกเช่นกัน
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในจังหวัดภูเก็ต นอกจากภูเก็ตจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากมายแล้ว ยังเป็นที่ยอมรับในเรื่องการแพทย์ เพราะมีโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI อย่างเช่น โรงพยาบาล กรุงเทพ ภูเก็ต และ โรงพยาบาล สิริโรจน์ อีกทั้งยังมีคลินิกเสริมความงาม และ คลินิกทันตกรรม หลากหลายแหล่งให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นกัน