สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ศัลยกรรมยกกระชับหน้าท้อง ใน ไทย
การผ่าตัดยกกระชับหน้าท้อง(Abdominoplasty) หรือ การผ่าตัดดึงหน้าท้อง(Tummy Tuck) เป็นการผ่าตัดเพื่อทำให้หน้าท้องกระชับ แบนเรียบ แก้ปัญหาท้องแตกลาย โดยการกำจัดไขมันและผิวหนังส่วนเกินที่หย่อยคล้อย มีประโยชน์ทั้งด้านศัลยกรรมเพื่อความงาม และ ศัลยกรรมเพื่อการรักษา เนื่องจากสามารถกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ ปรับเปลี่ยนแปลงรูปร่างของหน้าท้องให้ดีขึ้น แก้ไขปัญหาไส้เลื่อน ลดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
การผ่าตัดนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดผิวหนังหย่อยคล้อยเนื่องจากน้ำหนักลดลงมาก อายุที่เพิ่มขึ้น หรือการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่เข้ารับการผ่าตัดนี้ได้ แพทย์อาจจะจะไม่ทำการผ่าตัดให้กับผู้ที่มีแผนลดน้ำหนักหลายๆกิโล วางแผนตั้งครรภ์ในอนาคต มีดัชนีมวลกาย(BMI)มากกว่า30
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การผ่าตัดดึงหน้าท้อง(Tummy Tuck) เป็นการผ่าตัดใหญ่จะไม่เหมือนกับการดูดไขมันและไม่ได้เหมาะกับทุกคน การผ่าตัดนี้สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่มีสุขภาพดีและสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักแต่ยังมีไขมันส่วนเกินและมีผิวหนังหย่อนคล้อยบริเวณหน้าท้อง
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด คุณจะต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระหว่างการปรึกษาแพทย์จะถามถึงผลลัพธ์ที่คุณคาดหวังและจะพูดถึงตัวเลือกในการผ่าตัดดังนี้
- การผ่าตัดแบบมินิหรือPartial abdominoplasty (Mini abdominoplasty) เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณล่างสะดือโดยปกติวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมง
-การผ่าตัดแบบ Complete abdominoplasty การผ่าตัดประเภทนี้โดยปกติแพทย์จะผ่าตัดจากบริเวณกระดูกสะโพกถึงกระดูกสะโพกอีกด้านตามด้วยปรับผิวหนัง เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อตามความเหมาะสม วิธีนี้ต้องย้ายสะดือของคนไข้ คนไข้ต้องใส่สายเดรนระบายเลือดใต้ผิวหนังเป็นเวลา2-3วัน
ก่อนการผ่าตัดแพทย์อาจจะแจ้งให้คุณปฏิบัติดังนี้
-หยุดสูบบุหรี่2อาทิตย์ก่อนการผ่าตัดและ2อาทิตย์หลังการผ่าตัด
-ทานอาหารให้เหมาะสมและครบทุกมื้อ
-หยุดทานยาที่ทานอยู่เป็นประจำทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด (ยาตามใบสั่งแพทย์ที่เคยทานบางชนิด ยาสมุนไพร อาหารเสริม)
โดยปกติแล้วการผ่าตัดยกกระชับหน้าท้องแพทย์จะใช้ยาสลบและการผ่าตัดจะใช้เวลา1-5ชั่วโมงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ระยะเวลาพักฟื้นหลังการผ่าตัดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สุขภาพโดยทั่วไปของคนไข้ น้ำหนักตัว และอายุ โดยทั่วไปแล้วคุณสามารถกลับไปทำงานได้(แต่ต้องไม่ขยับร่างกาย หรือ ใช้ร่างกายเยอะ)และออกกำลังกายเบาๆได้ภายใน2-3อาทิตย์หลังการผ่าตัด คุณอาจจะต้องรอ6-8อาทิตย์จึงจะสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติได้เต็มที่ อย่างไรก็ตามยังต้องใช้เวลาอีก2-3เดือนให้ร่างกายฟื้นตัว ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือค่อยเป็นค่อยไปรอจนกว่าแพทย์จะอนุญาตให้คุณกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
แพทย์จะให้รายละเอียดการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น คุณต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ข้อควรปฏิบัติมีดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หลีกเลี่ยงนิโคติน
2.ออกกำลังกายเบาๆ
3.ทานอาหารที่มีประโยชน์
การเคลื่อนไหวและออกกำลังกายเบาๆจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีและลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดอยู่กับคุณไปนานๆคุณต้องทานอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกาย 30-60นาทีทุกวันและจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
จากการรายงานพบว่าอัตราความสำเร็จมีสูงมาก มีเพียง3.1%ที่มีภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด ถึงแม้อัตราความสำเร็จจะมีสูงแต่การผ่าตัดก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่น น้ำคั่งใต้ผิว แผลเป็น แผลหายช้า เนื้อเยื้อเสียหายหรือตาย เลือดไหลเยอะ ติดเชื้อ อาการข้างเคียงจากการใช้ยาสลบ และสีผิวเปลี่ยน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมคุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะนั่นจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้
ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี
เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย
จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย
กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น
เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น
พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล
ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม
อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส
การเดินทางในประเทศไทย
การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ
ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล
ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว
ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ประชากรในประเทศไทย
ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ
ข้อมูลอื่น ๆ
ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย
สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท
วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น